แชร์ประสบการ การเตรียมตัวเรียนสิงคโปร์ในระดับ ประถม และมัธยม

เรียนสิงคโปร์ เรียน singapore เรียนต่อสิงคโปร์ ครูเบล

การไป เรียนสิงคโปร์

การไป เรียนสิงคโปร์ มีทั้งหมด 3 แบบ

  • แบบที่ 1 เรียน รรรัฐบาลสิงคโปร์ สอบข้อสอบ AEIS
  • แบบที่ 2 เรียน รรเอกชน กึ่งรัฐบาล โดยยังใช้การเรียนการสอนแบบสิงคโปร์อยู่
  • แบบที่ 3 เรียน รรอินเตอร์ ในสิงคโปร์

ทั้งหมดทั้ง 3 แบบมีข้อดี  ข้อเสียต่างกันดังนี้

แบบที่ 1 เรียน รรรัฐบาลสิงคโปร์

ข้อดี: ค่าเรียนถูก ระบบการศึกษาดี

ข้อเสีย: สอบข้อสอบ AEIS ต้องถึอว่าหินเลย

แบบที่ 2 รรเอกชน กึ่งรัฐบาล โดยยังใช้การเรียนการสอนแบบสิงคโปร์อยู่

ข้อดี: ค่าเรียนไม่แพงมาก ยังใช่ระบบสิงคโปร์อยู่

ข้อเสีย: อ่อนกว่ารรรัฐบาล  โดยมีแค่ 2 รร คือ Sanyu Adventist School และ St Francis Methodist School

แบบที่ 3 เรียน รรอินเตอร์ ในสิงคโปร์

ข้อดี: เข้าง่ายที่สุด สามารถเลือกรรที่เราอยากเรียนได้  บางรรมี Boarding

ข้อเสีย: การเรียนจะอ่อนกว่ารัฐบาล มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

ทำไมหลายคนจึงนิยมไปศึกษาต่อประเทศสิงคโปร์

  1. ได้ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาจีน
  2. ระบบการศึกษาเค้าจะสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์เชิงลึก และไม่เน้นท่องจำ
  3. สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ทำให้น้องๆได้เรียนรู้จากหลายวัฒนธรรม และจะมีทักษะการปรับตัวได้เป็นอย่างดี
  4. ประเทศสิงค์โปร์อยู่ใกล้ประเทศไทย เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน จะสามารถเดินทางไปหาลูกได้สะดวก และตั้งแต่มี low cost airline ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับถูกมาก
  5. เป็นประเทศที่ปลอดภัย ปลอดมลพิษและสะอาด
  6. โดยวัฒนธรรมของที่โน้น จะสอนให้เด็กรู้จักดูแลรับผิดชอบตนเอง ทั้งในเรื่องการดูแลสุขภาพและการใช้เงิน
  7. การศึกษาที่โน้น จะเน้นให้เด็กกล้าแสดงออกอย่างถูกต้อง

การสอบเข้าเรียนที่ประเทศสิงค์โปร์

เด็กต่างชาติที่ต้องการเรียนโรงเรียนรัฐที่สิงค์โปร์ ต้องเข้าสนามสอบ Admissions Exercise for International Students (AEIS) ของระบบการศึกษาประเทศสิงค์โปร์โดยรัฐบาลสิงค์โปร์เท่านั้น ดังนั้นผลคะแนนการสอบจึงเป็นเรื่องหลัก

จึงทำให้น้องๆ ที่อยากเรียนสิงค์โปร์ ต้องเตรียมพร้อมทางด้านวิชาการเพื่อให้รู้แนวข้อสอบและวิธีการตอบคำถาม ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมากกับระบบการศึกษาของประเทศไทย

ตอบทุกคำถามกับสิ่งที่ควรรู้ก่อนส่งลูกไป เรียนสิงคโปร์

เรียนสิงคโปร์ เรียน singapore เรียนต่อสิงคโปร์ ครูเบล

1. ผู้ปกครองกังวลว่าเด็กจะเครียด

ผู้ปกครองหลายๆคน เป็นกังวลว่าเรียนที่ประเทศสิงคโปร์แล้วเด็กๆจะเคลียด ครูอยากบอกว่า เด็กๆหากสอบได้ แสดงว่าเค้าเก่งพอ แล้วเค้าจะเอาตัวรอดได้ ให้เราไว้ใจลูก ว่าลูกกำลังอยู่ใน Process ของการเติบโต ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เด็กๆตอนไปเรียนไม่รู้หรอกว่าเคลียด แต่หากผู้ใหญ่พูดบ่อยๆว่าไปเรียนแล้วเครียล เด็กจะรู้สึกจากคำพูดของเรา ตอนที่เด็กๆไปเรียนที่รร เค้าจะมีเพื่อน มีกิจกรรม ที่ทำให้เค้าสนุก อีกอย่าง เด็กๆเรียนกันครึ่งวัน แล้วก็ทำ กิจกรรมกันแล้วค่ะ

2. ค่าใช้จ่ายในการ เรียนต่อสิงคโปร์

ในฐานะคุณพ่อ คุณแม่ ครูอยากบอกแบบนี้ว่า ให้เตรียมกำลังทรัพย์ ให้น้องให้พร้อม (ปีละ 700,000บาท minimum ) เพราะถึงเวลาสอบ ถ้าน้องสอบติด ก็จะสามารถส่งให้เรียนได้เลย อีกเรื่องคือเราควรจะกันเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อเอาไว้ให้ลูกเรียนได้อีก2-3ปี เพราะเราทำธุรกิจ อะไรก็ไม่แน่นอน หากธุรกิจไม่สำเร็จ อย่างน้อยน้องยังสามารถเรียนต่อสิงคโปร์จนจบได้ค่ะ

3. ไปสิงคโปร์แล้วได้ภาษาจีนมั้ย

ไปสิงคโปร์แล้วได้ภาษาจีนมั้ย เด็กๆหลายๆคนลงเรียนจีนที่ไทยเป็นวิชาเสริม วิชาเสริมพวกนี้จะเรียนว่า Basic มากๆหากเทียบกับเรียนภาษาจีนแบบ Mother tougue เพราะเรียนจีนแบบภาษาแม่ หมายถึงน้องพูดจีนตั้งแต่เล็ก เรียนจีนแบบอ่านออก เขียนได้  แต่หากเด็กๆไปก่อนอายุ 10ขวบ หรือพอมีพื้นฐานจีนมาอยู่บ้าง แล้วเกิดสอบได้ชั้น Primary 5 ครูก็จะแนะนำให้เลือกเรียนจีน!! เพราะเราไปถึงถิ่นแล้ว หากตั้งใจ ก็ทำได้ค่ะ

(เด็กๆที่ตั้งใจเรียนจีน ครูจะขอให้เลือกสอบ PSLE จีนด้วย ถึงจะฉุดคะแนนหน่อย แต่รับประกันว่าน้องจะพูด อ่าน เขียนจีนได้ และนั้นก็จะดีกว่าการได้ Good school แต่ไม่ได้ภาษาจีนนะคะ) หากเข้าไปตอนมัทยม1ขึ้น จะ Catch up ให้ทันนั้นค่อนข้างยาก เพราะเค้าจะเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์กันแล้ว ทำให้เกินเราไปหลายขั้น นะคะ

4. การสมัครสอบเรียนสิงคโปร์

หากเค้าเปิดรับสมัครสอบ 20วัน อย่ารอจนถึงวันที่ 20 ค่อยสมัคร เพราะเกิดขึ้นมาแล้วคือ ที่นั่งเต็ม! สมมุติเค้าเปิดรับสมัครสอบวันที่20 เอกสารการสมัครสอบ ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนวันที่ 19  แราใช้เวลาแปลเอกสารก็ 3 วันแล้ว ให้เผื่อเวลา วันที่ 20 เราจะได้สมัครได้เลย  อย่าลืมว่าเรากำลังสอบแข่งกันทั่วโลก หากสนามสอบเต็ม เราก็อดสอบ ถึงแม้เราอาจจะรู้ว่าเราสอบครั้งนี้เราทำได้ก็ตาม

สอบถามข้อมูลจากครูเบล

ผู้ปกครอง และน้องๆ ที่สนใจ สามารถแชทคุยกับครูเบลได้เลยนะคะ